รู้หรือไม่ว่าการจะทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากการวางแผน การเตรียมตัวที่ดีแล้ว การเลือกการทำการตลาดให้เหมาะสมกับ วัตถุประสงค์โฆษณา facebook ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้โฆษณาของคุณปังกว่าเดิม เพราะ แต่ละกลุ่มเป้าหมายก็ใช้วิธีในการโฆษณาที่แตกต่างกัน นั้นทำให้วัตถุประสงค์ในการโฆษณาให้แต่ละกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย ช่วงวัยต่างๆ ล้วนแต่ใช้วัตถุประสงค์ในการจุงใจที่แตกต่าง อีกทั้งวัตถุประสงค์โฆษณายังใช้สำหรับเพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าได้ทราบได้อีกด้วย เวลายิง ADs บนfacebook ยิงใน Ads manager จะสามารถตั้งค่าพวกนี้ได้ดีกว่า แล้วแบบนี้ต้องเลือกวัตถุประสงค์ในการโฆษณาอย่างไร ถึงจะทำให้เราปังกว่าคู่แข่งไปอ่านในบทความกันเลย!!!!
Highlight วัตถุประสงค์การโฆษณา ที่ต้องรู้!!!
วัตถุประสงค์โฆษณา Facebook แบบ Objective
สำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ และ ต้องพึ่งจะมาเริ่มทำการตลาดประเภทของ Ads โฆษณา บนช่องทางเฟสบุ๊ค อาจจะรู้คร่าวๆมาอยู่แล้วว่า การยิงโฆษณาสามารถช่วยทำให้คนรู้จักสินค้าของเรามากยิ่งขึ้น และ ยังช่วยเพิ่มยอดขายให้เราอีก แต่จริงๆแล้ววัตถุประสงค์โฆษณามีอะไรที่มากกว่านั้น สามารถแบ่งประเภทของประวัตถุประสงค์การโฆษณาออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ๆ ดังนี้
- Awareness (การสร้างการรับรู้)
- Consideration (การสร้างการพิจารณา)
- Conversion (การสร้างคอนเวอร์ชั่น)
1.Group Awareness
(การสร้างการรับรู้)
การสร้าง Awareness เสมือนเป็นการทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรารู้จักแบรนด์ หรือ สินค้าและบริการของเรามากยิ่งขึ้น สามารถที่จะเห็นโฆษณาของเรา เป็นการโฆษณาในการเข้าถึงคนจำนวนมาก เน้นให้คนเห็นและรู้จักเรา ถือว่าเป็นการทำการตลาดแบบวงกว้าง ซึ่งสามารถแบ่งวัตถุประสงค์ในการโฆษณาได้เป็น 2 ประเภทย่อยๆดังต่อไปนี้
- Brand Awareness – การรับรู้แบรนด์
- Reach – การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
Brand Awareness (การรับรู้แบรนด์)
เป็นการทำความรู้จัก สร้างความคุ้นเคยระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ โดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรกับลูกค้า เพียงแต่ทำให้ลูกค้าจดจำเราได้เท่านั้น เน้นที่จะทำให้คนเห็นเราบ่อยๆ และ จดจำเราได้
เหมาะสำหรับ – การทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เพื่อทำให้คนเห็นโฆษณา เห็นคุณบ่อยมากยิ่งขึ้น จนสามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้ ซึ่งเป็นการสร้างความรู้จัก
Reach (การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย)
เป็นการทำให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เยอะมากยิ่งขึ้น เน้นการทำให้คนที่เห็นโฆษณาของเรามากกว่าการเน้นที่จำนวนครั้งที่โฆษณาปรากฎ ซึ่งแตกต่างจากBrand Awareness พยายามเน้นการกระจายให้คนกลุ่มต่างๆเห็น เสมือนการเน้นที่ปริมาณคนที่เห็น
เหมาะสำหรับ – สร้างฐานลูกค้าที่ในวงกว้าง เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการทำการโฆษณาให้คนที่เห็นเราเยอะที่สุดเท่าที่ทำได้
2.Group Consideration
(การสร้างการพิจารณา)
เน้นจำนวนผู้เข้าชม และ การมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย
เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายให้เข้าสู่การสั่งซื้อ
เป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมาย เข้ามา action กับโพสต์ หรือ โฆษณาของคุณ เสมือนเป็นการเน้นการสร้างปฎิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเป้าหมายกับแบรนด์ทางใดทางหนึ่ง เพราะเมื่อเราทำให้สร้าง Awareness ให้แบรนด์แล้ว แต่กลุ่มเป้าหมายก็ยังไม่รู้จักแบรนด์ของเรามากนัก จึงต้องกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดปฎิสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์สินค้า ซึ่งถือว่าเป็นการการทำการตลาดที่แคบลงมาจากแบบแรก ในการช่วยกรองคนที่สนใจได้ในระดับหนึ่ง สามารถแบ่งวัตถุประสงค์ในการโฆษณาออกมาได้เป็น 6 ประเภทย่อยๆ ดังต่อไปนี้
- Traffic – จำนวนผู้เข้าชม
- Engagement – การมีส่วนร่วม
- Message – ข้อความ
- Video Views – จำนวนการรับชมวิดีโอ
- Lead Generation – การสร้างลูกค้าเป้าหมาย
- App Installs – จำนวนการติดตั้งแอพพลิเคชั่น
Traffic (จำนวนผู้เข้าชม)
การทำดึงให้ผู้คนเข้าไปยังเว็บไซต์ หรือ ออกจากเฟสบุ๊คไปยังช่องทางอื่นๆ ที่เป็นหน้าสินค้าโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น line , Blog , App , Messenger เป็นต้น เพื่อทำให้ลูกค้า หรือ กลุ่มเป้าหมาย ได้รู้จัก เห็นข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม และ นำไปสู่การสั่งซื้อ
เหมาะสำหรับ – การเพิ่มช่องทางในการดึงคนเข้าไปสู่ช่องทางต่างๆของเรา เพื่อนำไปสู่การซื้อสินค้า และ การทำให้คนรู้จักช่องทางอื่นๆของเรามากยิ่งขึ้น
Engagement (การมีส่วนร่วม)
เป็นการสร้างปฎิสัมพันธ์ให้กับกลุ่มเป้าหมายกับแบรนด์ ด้วยการไลค์ , การคอมเม้นต์ , แชร์ ทางใดทางหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์มากหากว่ามีโพสต์ตัวใดตัวหนึ่งของคุณที่มีค่าการเข้าชมสูงๆ(Organic) การทำให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมยังเหมาะกับการนำการตลาดแบบ remarketing ซึ่งเป็นรูปแบบของโฆษณาที่จะติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้กับลูกค้า
เหมาะสำหรับ – การทำ Social Proof (การทำให้ความเห็นของผู้อื่นๆที่แสดงความคิดเห็นบนโพสต์ ช่วยโน้มน้าวจิตใจของกลุ่มเป้าหมายในการตัดสินใจและพฤติกรรมที่มีต่อแบรนด์) และ ยังช่วยในการขยายฐานลูกค้าด้วยการทำ remarketing
Message (ข้อความ)
เป็นการดึงคนให้เข้าสู่การสนทนา หรือ สอบถามกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางของ facebook หรือ ช่องทางอื่นๆ เพื่อดึงให้เข้าสู่การขาย ซึ่งจะทำหน้าที่ในการส่งโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยตรง อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งข้อความอัตโนมัติได้อีกด้วย
เหมาะสำหรับ – การนำเสนอสินค้า เพื่อโน้มน้าวใจให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณ ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุประสงค์ที่เข้าถึงการตัดสินใจลูกค้าได้มาก(การนำสินค้าไปเสนอขายถึงที่)
Video Views (จำนวนการรับชมวิดีโอ)
รูปแบบของโฆษณาแบบวิดีโอ ถือว่าเป็นการตลาดอีกรูปแบบที่ช่วยในการโน้มน้าวใจของลูกค้า ซึ่งวิดีโอบน Facebook มีความคล้ายคลึงกับ video ads บน Youtube โฆษณาแบบวิดีโอสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย อีกทั้งหากคนไหนดูวิดีโอเราก็ยังสามารถทำการ remarketing ได้อีกด้วย Video Views สามารถปรับแต่งได้ 3 แบบ ทั้ง
- ThruPlay – หากดูวิดีโอจนจบ หรือ อย่างน้อย 15s โฆษณาจะถูกส่งไปให้กลุ่มเป้าหมาย
- 10 second video views – หากดูวิดีโออย่างน้อย 10s โฆษณาจะถูกส่งไปให้กลุ่มเป้าหมาย
- 2 second continuous video views – หากดูวิดีโอต่อเนื่องอย่างน้อย 2s โฆษณาจะถูกส่งไปให้กลุ่มเป้าหมาย
เหมาะสำหรับ – การโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมายให้สนใจสินค้าและบริการของแบรนด์ เน้นไปที่การมีส่วนร่วมของระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย
Lead Generation (การสร้างลูกค้าเป้าหมาย)
เป็นเสมือนการสร้างฐานข้อมูลของลูกค้า ด้วยการเก็บข้อมูลเบื้องต้นของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ , ที่อยู่ , อีเมล เป็นต้น ด้วยการให้กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้า กรอกแบบฟอร์ม
เหมาะสำหรับ – การเก็บข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำมาทำ CRM (การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า) เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และ ปรับใช้กับแบรนด์
App Installs (การติดตั้งแอพพลิเคชั่น)
เป็นวัตถุประสงค์ที่เน้นให้คนทำการติดตั้งแอพพลิเคชั่น โดยการบอกถึงประโยชน์ของแอพพลิเคชั่น ส่วนใหญ่โฆษณาแนะนำแอพพลิเคชั่นจะรองรับทั้งระบบ ios และ android ซึ่งเป็นโฆษณาที่จะแสดงบนโทรศัพท์เท่านั้น
เหมาะสำหรับ – การทำให้กลุ่มเป้าหมายติดตั้งแอพพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มช่องทางในการติดต่อ สื่อสารระหว่างกลุ่มเป้าหมายกับแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้น
3.Group Conversion
(การสร้างคอนเวอร์ชั่น)
เป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายทำอะไรบ้างอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การลงทะเบียน , การติดต่อสื่อสาร , การอ่านบทความโพสต์ จนถึงการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายที่เราต้องการให้เกิดขึ้น ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายจะทำอะไรที่เกี่ยวกับแบรนด์ ก็ถือว่าเกิดคอนเวอร์ชั่น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่มาจนถึงขั้นนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าสูง ถือว่าเป็นการทำกับกลุ่มเฉพาะที่มีความสนใจ สามารถแบ่งวัตถุประสงค์ในการโฆษณาออกมาได้เป็น 3 ประเภทย่อยๆ ดังต่อไปนี้
- Conversion – การสร้างคอนเวอร์ชั่น
- Catalog Sale – การสร้างยอดขายจากแค็ตตาล็อค
- Store Traffics – การเข้าชมหน้าร้าน
Conversion (การสร้างคอนเวอร์ชั่น)
เป็นการเน้นให้กลุ่มเป้าหมาย action บางอย่างที่เกี่ยวกับเว็บไซต์ เกี่ยวกับแบรนด์ เพียงแต่ว่าต้องรู้ว่าคุณต้องการคอนเวอร์ชั่นรูปแบบไหน ทั้ง การลงทะเบียน การซื้อสินค้า การที่กลุ่มเป้าหมายทำอะไรบ้างอย่างเป็นการแสดงว่ามีความสนใจในแบรนด์
เหมาะสำหรับ – การกระตุ้นยอดขาย การที่กลุ่มเป้าหมายทำอย่างอื่นๆที่ไม่ใช่การสั่งซื้อ เราสามารถที่จะโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายในการปิดการขายได้
Catalog Sale (การสร้างยอดขายจากแค็ตตาล็อค)
เป็นวัตถุประสงค์ในการโฆษณาที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ทำเว็บไซต์แบบ E-commerce (เว็บไซต์ที่ดำเนินการโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การบริการต่างๆ) ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในการให้เลือกสินค้า หากสินค้าของคุณมีหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถทำการ remarketing สำหรับคนที่เคยเข้ามาเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย
เหมาะสำหรับ – ทำให้ลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงสินค้าได้หลากหลาย เนื่องจากเป็นการแสดงโฆษณาในรูปแบบที่โชว์สินค้าต่างๆของคุณ
Store Traffics (การเข้าชมหน้าร้าน)
เป็นการดึงให้คนที่อยู่ในพื้นที่ใก้ล้เคียง หรือ สถานที่ที่คุณเลือกไว้เห็นโฆษณา ในการดึงคนให้เข้าไปเยี่ยมชมหน้าร้านของคุณ เพื่อให้คนเข้าถึงร้านของคุณมากยิ่งขึ้น
เหมาะสำหรับ – การดึงให้คนเข้ามายังร้านค้าของเรามากยิ่งขึ้น เพราะ เมื่อคนเข้ามายังร้านค้าแล้ว ก็มีโอกาสมากที่จะทำการซื้อสินค้านั้นเอง
หลักในการเลือกวัตถุประสงค์ ดูจากอะไรบ้าง?
การที่เราจะเลือกว่าเราจะใช้วัตถุประสงค์ไหนในการโฆษณาดี ถึงจะเหมาะกับธุรกิจ สินค้าและบริการของเรา จะต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
- เป้าหมายของคุณคืออะไร – ต้องเลือกว่าผลลัพธ์ของการโฆษณาที่คุณต้องการคืออะไร ไม่ว่าจะเป็น การเน้นคนที่เข้ามา เน้นให้คนรู้จักแบรนด์ เน้นยอดขาย?
- การวัดผลตอบโจทย์กับสิ่งที่เลือกหรือไม่ – เมื่อคุณรู้ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร จากนั้นให้ดูว่า ผลลัพธ์ที่คุณจะได้ตอบโจทย์คุณหรือยัง เพียงพอแล้วใช่หรือไม่?
- คอนเทนต์ต้องตรงกับวัตถุประสงค์ – ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา รูป วิดีโอต่างๆ ล้วนจะต้องตรงกับวัตถุประสงค์ที่เลือกไว้ เช่น หากต้องการจำนวนคนที่เข้าชม แต่ไปเน้นการขายก็อาจจะไม่ดีนัก
- การปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์ – เมื่อเนื้อหา หรือ สถานการณ์เปลี่ยนไปอาจจะต้องปรับวัตถุประสงค์ให้ตรงกับแบรนด์มากขึ้น
ทำการตลาดกับเราได้ผลตอบรับดีดังใจ
เราเป็นบริษัททางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะ ที่ให้บริการในด้านของการทำ SEM SEO รวมทั้ง การยิงAds และ รูปแบบการทำการตลาดรูปแบบอื่นๆ อีกทั้งเรายังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์และทำความเข้าใจธุรกิจตลอดจนการวางแผน และ ออกแบบรูปแบบการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณพร้อมทีม Support ที่ช่วยดูแลธุรกิจของคุณ ให้สามารถทำยอดขาย และ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
สามารถติดต่อ สอบถาม bemyfriend ช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency