จะซื้อโฆษณา Google อย่างไรถึงจะทำให้โฆษณาปัง การแข่งขันสำหรับการซื้อโฆษณา ก็นับว่าเป็นการแข่งขันที่มีการแข่งค่อนข้างสูง นั้นก็คือการแข่งการบิด ไม่ใช่ว่าแค่เงิน แต่การบิด คือการทำกลยุทธ์การตลาดอย่างหนึ่ง การบิดที่ดี คือการบิดให้เหมาะสำหรับธุรกิจของตัวคุณเอง มาทำความรู้จักว่า Bid strategy คือ อะไรกันดีกว่า เพื่อให้เข้าใจหลักการ และ รู้จักประเภทของบิดให้ดีมากยิ่งขึ้น จะใช้การบิดแบบไหนถึงจะดี ไปอ่านบทความกันเลย!!!
Highlight Bid strategy ที่ต้องรู้!!!
Bid strategy คือ ?
Bid strategy คือกลยุทธ์การประมูลราคา เป็นการเสนอราคาที่อยากจะจ่ายสำหรับการขึ้นโฆษณาในอันดับต่างๆ บนหน้าแรกของโฆษณาบน Google ซึ่งสามารถแยกประเภทของBid strategyออกได้เป็น 2 อย่างหลักๆ ดังต่อไปนี้
- Vanity Bidding
- Smart Bidding
สามารถอ่าน บทความ Google Ads คืออะไร เพิ่มเติมได้ที่นี่
ประเภทของ Bid strategy มีอะไรบ้าง?
เราสามารถแยกประเภทของ Bid strategy ออกได้เป็น 8 ประเภทหลัก สำหรับใช้ในการ Bidding มารู้จักการบิดแต่ละประเภทกันดีกว่า ว่าแต่ละประเภททำงานอย่างไรกันบ้าง
Vanity Bidding
เป็นรูปแบบที่เราสามารถเสนอราคาตามที่เรากำหนดไว้เองได้ ซึ่งจะมีรูปแบบดังต่อไปนี้
- Manual CPC
- Maximize Click
- Target Search Page Location
- Target Outranking Share
Manual CPC (Cost Per Click)
เป็นรูปแบบการบิดที่จะกำหนดราคาสูงที่สุดของโฆษณาต่อหนึ่งการคลิก (CPC) เป็นรูปแบบที่เน้น อันดับในการแสดงผล ของโฆษณา ซึ่งเราสามารถเสนอราคาที่เราพึ่งพอใจจะจ่ายได้เอง ไม่เหมือนแบบ Smart Bidding ทำให้เราสามารถเลือกบิด Keyword ที่ได้ผลตอบรับดีได้ (มีการแข่งขันสูง)
การทำงาน : ใครที่บิดราคาที่สูงกว่าก็จะได้อันดับที่ดีกว่า (เน้นอันดับในการแสดงผล) โดยสามารถเสนอราคาได้เอง
เหมาะสำหรับ : การเน้นอันดับในการแสดงผล เช่น ธุรกิจที่เร่งด่วน ลูกค้าไม่สามารถเปรียบเทียบราคา จำเป็นต้องใช้งานในเวลานั้นๆทันที
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Campaign และ Ads Group
Maximize Click
เป็นรูปแบบการบิดที่คุณสามารถเสนอราคา เพื่อให้คุณได้ จำนวนคลิกมากที่สุด ที่เข้าไปสู่เว็บไซต์ ซึ่งเป็นการเสนอราคาแบบอัตโนมัติ โดยเราจะตั้งค่างบประมาณของเราได้ เพื่อเป็นการคุมงบไม่ให้มากจนเกินไป
การทำงาน : Google จะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มจำนวนคลิกของเราให้สูงที่สุด โดยเราสามารถตั้งค่างบประมาณของเราได้ว่าไม่ให้เกินเท่าไหร่
เหมาะสำหรับ : เพิ่มการคลิกเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ให้มากยิ่งขึ้น และ สำหรับเว็บไซต์ที่ลูกค้ามีเวลาในการเปรียบเทียบราคา ซึ่งอันดับไม่มีผลมากนัก
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Budget (ตั้งค่างบไม่ให้เกิดเท่าไหร่ได้) และ Campaign
Target Search Page Location
เป็นรูปแบบการบิดแบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มและลดราคาของโฆษณา เป็นการบิดสู้เพื่อให้ได้อันดับที่ดี แต่ก็เป็นการคุมงบประมาณไม่ให้เกิดที่กำหนดไว้
การทำงาน : Google จะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ โดยพยายามให้คุณอยู่ในอันดับดีๆ แต่ไม่เกินงบประมาณที่ตั้งเอาไว้
เหมาะสำหรับ : สร้าง Awareness เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น และ เว็บไซต์เปิดใหม่ที่ต้องการโปรโมทเว็บไซต์
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Campaign และ Budget
Target Outranking Share
เป็นรูปแบบของการเสนอราคาเพื่อให้ชนะเป้าหมายเพื่อให้เรามีอันดับสูงกว่า (โฆษณาอื่นที่อยู่อันดับต้นๆแต่ไม่ยอมให้คนอื่นได้อันดับที่ดีกว่า) โดยไม่สนใจว่า ROAS และ CPA ซึ่งเราสามารถตั้งค่า Cost Per Click ได้
การทำงาน : Google จะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ โดยเราสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ เพื่อให้โฆษณาของคุณอันดับดีกว่าคู่แข่ง (ไม่รวมถึงอันดับโดยรวมของเว็บไซต์)
เหมาะสำหรับ : ต้องการให้โฆษณาแสดงในอันดับที่สูงกว่าคู่แข่ง
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Campaign และ CPC
Smart Bidding
เป็นการบิดแบบอัตโนมัติ โดยจะต้องมีเงื่อนไขในการยิง Ads เพื่อเก็บข้อมูลก่อน หรือมีผู้ใช้งานเว็บไซต์จากการยิง Ads ในจำนวนนึง ซึ่งจะมีรูปแบบดังต่อไปนี้
- Maximize Conversion
- Maximize Conversion Value
- Target CPA
- Target ROAS
Maximize Conversion
เป็นรูปแบบการบิดที่เป็นแบบ Smart Bidding ที่ทาง Google จะเข้ามาช่วยในการประมวลผลว่าควรที่บิดตอนไหน จากสถิติที่เก็บรวบรวมไม่ว่าจะเป็น เวลา สถานที่ คีย์เวิร์ดที่เกิดการซื้อ หรือ การติดต่อ เพื่อให้คุณได้จำนวน Conversion (การกระทำบางอย่างจากคนที่เข้าสู่เว็บไซต์ของเรา เช่น การซื้อสินค้า ลงทะเบียน อ่านบทความ) มากที่สุด โดยเราจะไม่สนใจว่าอันดับการแสดงผล หรือ จำนวนคลิกเลย
การทำงาน : Googleจะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ โดยมี Algorithm ช่วยในการตัดสินใจ และ จะต้องมีการออนไลน์ Ads มามากกว่า 3 เดือน และต้องเกิด Conversionระดับหนึ่ง
เหมาะสำหรับ : ธุรกิจที่มีจุดประสงค์ในการสร้างยอดขาย การสมัครสมาชิก หรือ Conversionในจำนวนมากที่สุด
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Set Conversion และ Campaign
Maximize Conversion Value
จะทำงานคล้ายกับตัวของ Maximize Conversion แต่จะแตกต่างกันตรงที่ จะเป็นการบิดที่เน้นไปที่ Conversion Value (มูลค่าในการสั่งซื้อต่อ1 order) ที่เยอะที่สุด โดยเราจะไม่สนใจว่าอันดับการแสดงผล หรือ จำนวนคลิกเลย
การทำงาน : Google จะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ ซึ่งจะต้องมีการSet Conversion และ ออนไลน์ Ads มาในระดับหนึ่งแล้ว (เกิดConversionระดับหนึ่ง)
เหมาะสำหรับ : ธุรกิจที่มีจุดประสงค์ในการสร้างยอดขายที่มีมูลค่าสูง เน้นคุณภาพ ไม่เน้นจำนวน อย่างเช่น ธุรกิจก่อสร้างไม่ต้องการงานขนาดเล็ก เพราะต้องมีต้นทุนในการจัดตั้งไซต์งาน และ มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ดังนั้นจึงต้องการงานขนาดใหญ่ ได้ค่าตอบแทนมากกว่า สามารถตั้งไซต์งานในระยะยาว ต้นทุนในการทำงานต่ำกว่าไซต์งานเล็ก เป็นต้น
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Set Conversion แบบใส่ Value และ Campaign
Target CPA (Cost Per Acquisition)
เป็นรูปแบบการบิดราคาแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ Cost Per Conversion (ราคาที่ทำให้เกิดconversion) ไม่เกินที่เรากำหนดไว้ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของconversionที่เข้ามาในเว็บไซต์ (คนที่เข้ามาในเว้บไซต์เกิด Actionจริงๆ เช่น สั่งซื้อสินค้าจริงๆ ไม่ใช่เข้ามาในเว็บไซต์เฉยๆ) ซึ่งเราสามารถเสนอราคาได้ โดยเราจะไม่สนใจว่าอันดับการแสดงผล หรือ จำนวนคลิกเลย
การทำงาน : Google จะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ ซึ่งจะต้องมีการSet Conversion และ ออนไลน์ Ads มาในระดับหนึ่งแล้ว (เกิดConversionระดับหนึ่ง)
เหมาะสำหรับ : เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการควบคุมต้นทุน ในการยิง Ads โดยตั้งราคา Coversion ที่ยอมรับได้
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Set Conversion และ Target
Target ROAS (Return on Ad Spend)
เป็นรูปแบบการบิดแบบอัตโนมัติ ในการกำหนด Conversion Vulue ให้ไม่ต่ำกว่าที่เราตั้งเอาไว้ เพื่อให้ได้ผลตอบรับของการโฆษณาเป็นไปตามที่เรากำหนดไว้ (Conversion) โดยเราจะไม่สนใจว่าอันดับการแสดงผล หรือ จำนวนคลิกเลย
การทำงาน : Google จะทำการบิดให้เราอัตโนมัติ โดยจะบิดราคาของโฆษณาตามจำนวนกำไรที่เราได้ (ROAS) ซึ่งจะต้องมีการSet Conversion และ ออนไลน์ Ads มาในระดับหนึ่งแล้ว (เกิดConversionระดับหนึ่ง)
เหมาะสำหรับ : เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเน้น Conversion โดยที่สามารถตั้ง Conversion Value หรือมูลค่าของ Order หรือ (Goal) ให้ Ads มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าที่เราตั้งไว้
ตัวอย่างเช่น Conversion Value ต่อ 1 order ต้องได้ที่ 1200 บาท ระบบก็จะหา Conversion ที่มีโอกาสเกิด มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1200 บาท
สามารถ Set อะไรได้บ้าง : Set Conversion และ Target
จะเห็นว่าการบิดแต่ละประเภทก็มีรูปแบบ การใช้งาน การแสดงผลที่แตกต่างกัน ซึ่งในแต่ละธุรกิจก็จะใช้รูปแบบของการบิดที่ไม้เหมือนกัน นั้นทำให้คุณจะต้องเลือกการบิดให้เหมาะสม หากเลือกได้เหมาะสมจะช่วยทำให้โฆษณาของคุณปังกว่าเจ้าอื่นแน่นอน แต่หากเลือกผิดอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปมากกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นก่อนที่จะทำการโฆษณาบน Google ควรจะศึกษา และ วางแผนให้ดีก่อนที่จะโฆษณา!!!
ทำการ Bid กับ เราดีอย่างไร
เราเป็นบริษัททางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะ ที่ให้บริการในด้านของการทำ SEM SEO รวมทั้ง การยิงAds และ รูปแบบการทำการตลาดรูปแบบอื่นๆ อีกทั้งเรายังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์และทำความเข้าใจธุรกิจตลอดจนการวางแผน และ ออกแบบรูปแบบการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณพร้อมทีม Support ที่ช่วยเหลือธุรกิจของคุณ ให้สามารถทำยอดขาย และ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
“เราพร้อมดูแลใส่ใจธุรกิจของคุณ ให้เหมือนกับว่าเป็นธุรกิจของเราเอง”
สามารถติดต่อ สอบถาม bemyfriend ช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency