ถ้าพูดถึงเทคนิค หรือ กลวิธีในการทำการตลาดสมัยใหม่ การตลาดในยุค 4.0 ซึ่งถือว่าเป็นการทำการตลาดที่นิยมกันมาก นั้นก็คือ การสร้างคอนเทนต์ สำหรับโปรโมทสินค้า นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างแรงจูงใจ แรงดึงดูด ให้ผู้ที่อ่านเข้ามาอ่าน เพราะ เป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งผู้อ่านและผู้ที่ต้องการโปรโมทสินค้า ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสิ้น บทความนี้ผู้อ่านจะได้เรียนรู้การทำ Content marketing ตั้งแต่เริ่ม เพื่อช่วยให้คุณสามารถทำคอนเทนต์ได้ตอบโจทย์ลูกค้า
Highlight การสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องรู้!!!
จุดประสงค์ใน “การสร้างคอนเทนต์”
ก่อนที่เราจะไปเริ่มการสร้างคอนเทนต์ เราควรที่จะรู้ถึงจุดประสงค์ที่เราต้องการในการทำคอนเทนต์ขึ้นมาสักอันเสียก่อน การที่เราทำคอนเทนต์โดยไม่ได้คิดถึงเป้าหมายที่เราต้องการสื่อสารออกมา จะทำให้คอนเทนต์ของเราไม่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดลูกค้า เพราะผู้อ่านจะไม่รู้ว่าคอนเทนต์ของเราต้องการสื่อสารอะไร
ให้เราลองวางแผนเสียก่อนว่า เราต้องทำคอนเทนต์เพื่อเน้นไปในเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเป็นการเน้นการให้ความรู้ในเรื่องของ สินค้าและบริการของเรา ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง อาจจะทำในรูปแบบของ โพสต์ที่เป็นบทความที่เป็นประโยชน์ ในรูปแบบของรูป วีดีโอ ที่ช่วยให้คอนเทนต์ของคุณน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จะได้ดูไม่น่าเบื่อ และ ยังตอบโจทย์การใช้งานของคนในยุค 4.0 อีกด้วย หรือ อาจจะเน้นการทำคอนเทนต์ให้มีความสนุกสนาน อาจจะให้รูปแบบของคอนเทนต์แนวคำถาม เพื่อทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นในคอนเทนต์ก็ได้
เรามารู้จักวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการสร้าง Content Markething กันดีกว่า
- Brand Awareness เป็นการโปรโมทแบรนด์ สินค้า บริการของเรา ให้คนได้รู้จักเรามากยิ่งขึ้น ให้เขาเน้นเราบ่อยๆ จนเกิดความสนใจ
- Problem Awareness เป็นการทำให้เขาเห็นถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ใช้สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นปัญหาในการกระตุ้นให้เขาหาหนทางในการแก้ไข
- Solution Awareness เป็นการหาทางแก้ปัญหาให้กลุ่มเป้าหมาย โดยใชิสินค้าและบริการของเรา ในการแก้ไขปัญหา
- Product Awareness เป็นการขายที่ไม่ได้เน้นการขายแบบโจ่งแจ้งจนเกินไป อาจจะทำให้เห็นข้อดีที่มากกว่าสินค้าตัวอื่น หรือ แบรนด์อื่นๆ เป็นการทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
- Most Awareness เป็นการทำให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น จากการส่งข้อมูล ข่าวสาร เพื่อทำให้มีโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น
การสร้างคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า
1.คอนเทนต์สำหรับใคร?
ก่อนที่เราจะไปลงรายละเอียดในการทำคอนเทนต์ เราควรที่จะรู้เสียก่อนว่าเราต้องการทำคอนเทนต์เพื่อให้ใครดู เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ล้วนจะใช้รูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น เพศ ช่วงอายุ อาชีพ เป็นต้น การที่เราสามารถรู้ว่าเราจะทำคอนเทนต์เพื่อกลุ่มเป้าหมายใด จะทำให้เราสามารถกำหนดเนื้อหา หรือ ข้อมูลต่างๆให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการทำคอนเทนต์ได้ อาทิเช่น
- เพศชาย – จะชอบความสะดวกสบาย ไม่ชอบอะไรที่มีข้อมูลเยอะเกินไป เราอาจจะต้องใช้คอนเทนต์ที่เน้นไปในเรื่องของความสนุกสนาน หรือ พวกรูป วีดีโอ ที่ง่ายต่อการอ่าน
- เพศหญิง – จะชอบเน้นหาที่มีความละเอียด มีอะไรดึงดูด น่าสนใจ อาจจะใช้คอนเทนต์ที่มีหัวข้อน่าสนใจ บทความดีๆ เป็นประโยชน์ จนต้องแชร์ เป็นต้น
2.ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคืออะไร?
การที่คนจะเลือกอ่านคอนเทนต์ อาจเนื่องมาจากปัญหาที่เขามี หรือ เขามีความต้องการอะไร ในการเลือกอ่านคอนเทนต์ซักบทความหนึ่ง นอกจากเราจะต้องดูว่าเราทำคอนเทนต์สำหรับใคร เรายังต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราเลือกมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษ เพื่อที่จะสามารถเลือกเนื้อหา ในการทำคอนเทนต์ได้เหมาะสม อาทิเช่น
หากกลุ่มเป้าหมายต้องการบำรุงผิว เราอาจจะให้เนื้อหาคอนเทนต์เกี่ยวข้องกับการบำรุงผิว หรือ อาจจะไม่ได้เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตรงๆ โดยจะเน้นไปทางอ้อม เช่น การแต่งกายเพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด หรือ การรับประทานอาหารที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ
3.จะแก้ไขปัญหาจากสินค้าและบริการของเราได้อย่างไร?
เนื่องจากถ้าเรารู้ถึงปัญหาของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ว่ากลุ่มเป้าหมายของเรามีความต้องการอะไร ก็ถึงขั้นที่เราจะได้บอกถึงประโยชน์ของสินค้าและบริการ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะบอกข้อดีร้อยแปดประการที่เยอะจนเกินไป เพราะนั้นอาจไม่ใช่ประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยากได้ ควรที่จะบอกประโยชน์ที่ได้จากการแก้ไขปัญหาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด อาทิ
กลุ่มเป้าหมายต้องการเน้นการบำรุงผิว เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวย สภาพผิวแต่ละบุคคล เราก็ไม่ต้องเอาประโยชน์ หรือ การแก้ไขปัญหาที่นอกเหนือจากที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ เช่น หากเราเป็นครีมบำรุงผิว ก็เน้นบอกไปเลยว่า เป็นครีมที่ปกป้องจากสภาพอากาศ ช่วยล็อคความชุ่มชื้นได้ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องไปบอกว่าช่วยเปลี่ยนสีผิวให้เป็นผิวขาว หรือ อะไรที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาต้องการ
4.การทำContent Mappingเพื่อช่วยในการวางแผน
ก่อนที่จะไปเริ่มทำคอนเทนต์จริงๆ เราอาจจะทำ Content Mapping เพื่อช่วยในการออกแบบเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ดังต่อไปนี้
- ประเด็นสำคัญ – อาจจะเป็นการพูดถึงปัญหา ประเด็นสำคัญต่างๆ ของกลุ่มเป้าหมายเพื่อที่จะกำหนดประเภทของคอนเทนต์ได้ถูกต้อง เหมาะสม
- การแก้ไขปัญหา – เป็นการกำหนดวิธีในการแก้ไขปัญหาว่า ทำด้วยวิธีใดบ้าง ทำอย่างไรได้บ้าง ทำให้คอนเทนต์ของเราดูน่าสนใจ
- เราดีอย่างไร – เป็นการนำเสนอสินค้าและบริการของเรา ว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไร สินค้าบริการของเราช่วยในเรื่องอะไรได้บ้าง เป็นการ Tie-in แฝงไม่ได้เน้นขายสินค้าตรงจนเกินไป
- พิเศษสำหรับลูกค้า – อาจจะเป็นการพูดถึงเคล็ดลับในการใช้สินค้าและบริการ หรือ สิทธิพิเศษต่างๆ ส่วนลด แลก แจก แถม ต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นทำให้สินค้าของเรามีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5.รูปแบบของสื่อที่เหมาะสมกับเป้าหมาย
นอกจากประเภทของกลุ่มเป้าหมายแล้ว เราอาจจะต้องเลือกรูปแบบของสื่อให้เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการสื่อสารอีกด้วย ซึ่งรูปแบบของสื่อก็จะมีหลากหลายให้เราได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น
- บทความ – เป็นรูปแบบของเนื้อหาที่เป็นตัวอักษร อาจจะเป็นบทความยาวๆ หรือ เป็นข้อความสั้นๆที่สื่อความหมายได้ดี
- รูปภาพ – เป็นรูปแบบของเนื้อหาที่ดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบของรูปภาพ เพื่อให้ง่ายต่อการรับชม อาจจะใช้รูปแบบของ Infographic ในการใช้ข้อความเพื่อขยายรูปภาพให้ง่ายต่อการเข้าใจมากยิ่งขึ้น
- วีดีโอ – เป็นรูปแบบของคอนเทนต์ที่ดัดแปลงจากตัวหนังสือ ให้มาอยู่ในรูปแบบที่มีทั้ง รูป เสียง เพื่อให้ดึงดูดผู้ที่เห็นมากยิ่งขึ้น และ ง่ายต่อการรับชม
เมื่อเราเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ก็ให้ลองทำคอนเทนต์ อาจจะมีการใช้รูปแบบของคอนเทนต์ที่มากกว่า 1 รูปแบบก็ได้ตามความเหมาะสม
สามารถอ่าน บทความ Content Marketing เพิ่มเติมได้ที่นี่
6.ช่องทางในการลงคอนเทนต์
เนื่องจากในปัจจุบันมีช่องทางในการติดต่อสื่อสารที่มาก ดังนั้นเราอาจจะต้องกำหนดช่องทางให้เหมาะสมกับรูปแบบของคอนเทนต์
- ช่องทางของเราเอง – ปกติโดยทั่วไปในการทำธุรกิจ มักจะมีช่องทางการติดต่อสื่อสารของตนเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Website อาทิ การทำ SEO , Facebook , line และ ช่องทางที่เรามีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
- ช่องทางในPlatformต่างๆ – นอกจากที่เราจะนำคอนเทนต์ไปลงแต่ช่องทางของเรา เราสามารถนำไปลงในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Wabboard , Youtube , กระทู้ต่างๆ เป็นต้น
- ช่องทางที่ต้องจ่ายเงินต่างๆ – เป็นช่องทางที่ต้องจ่ายเงินในการโฆษณาเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การลงโฆษณาอย่างการทำ Ads บน Google , Facebook , Youtube เป็นต้น
7.การวัดผลของคอนเทนต์
การวัดผลจากคอนเทนต์ สามารถวัดได้จากหลายๆช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการวัดจากยอดขายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น การวัดจากจำนวนยอดคนที่กดไลค์และแชร์ตอนเทนต์ออกไป แต่อาจจะต้องอาศัยระยะเวลา อย่างน้อย 3-6 เดือน คอนเทนต์ถึงจะแสดงผลที่ชัดเจน โดยจะต้องอาศัยการทำคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง ไม่ควรทิ้งช่วงระยะเวลาให้นานนัก เพราะจะทำให้ไม่สามารถวัดผลได้
“เราพร้อมดูแลใส่ใจธุรกิจของคุณ ให้เหมือนกับว่าเป็นธุรกิจของเราเอง”
สามารถติดต่อ สอบถาม bemyfriend ช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency