หากพูดถึง Facebook Page ที่เป็นช่องทางในการทำการตลาดช่องทางหนึ่งบนเฟสบุ๊คในการโปรโมท การเพิ่มฐานลูกค้า การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า และ บริการมากยิ่งขึ้น แต่เราจะรู้ข้อมูลของผู้ติดตาม ผู้ที่เข้ามายังเพจได้อย่างไร??? ส่วนใหญ่ช่องทางการทำตลาด มักจะนำข้อมูลที่ได้จากการทำการตลาดมาวิเคราะห์ ช่องทางของ Facebook Page ก็เหมือนกัน คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคที่มาติดตามได้จากหนึ่งในฟังก์ชั่นของเฟสบุ๊ค เราอยากจะแนะนำให้คุณรู้จัก Facebook Insight คือ อีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลเบื้องลึกของผู้ติดตามได้มากขึ้น เพื่อที่จะนำไปใช้ในการประยุกต์ให้เข้ากับแผนการทำการตลาดบนเฟสบุ๊คของคุณ ถ้าคุณเป็นคนทำการตลาดบนเฟสบุ๊คแล้วล่ะก็ต้องใช้ และ อ่านให้เป็นเลยนะ!!!
Highlight Facebook Insight ที่ต้องรู้!!!
Facebook Insight คือ อะไร?
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า Facebook Insight เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับดูข้อมูลหลังบ้านของ Facebook Page โดยจะรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาติดตาม มีส่วนร่วม และ เนื้อหาต่างๆ บนเพจ เพื่อบอกข้อมูล สถิติต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วยังสามารถทำการดาวน์โหลดข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์ และ รีพอร์ตได้อีกด้วย ทำให้เราสามารถรู้ถึงการมีส่วนร่วม การเข้าถึงช่องทางของผู้ติดตามได้นั่นเอง เช่น
- มีคนเข้ามาดูโพสต์ของคุณวันละเท่าไหร่ จำนวนหน้าที่ถูกเปิดดู?
- ในเพจของคุณมีคนที่เข้ามากดไลค์ ดูเพจหรือไม่ ?
- คนที่มากดติดตามเรามักจะเล่น Facebook ในช่วงเวลาไหน ?
Page Facebook Insight ดูข้อมูลส่วนไหนได้บ้าง?
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า คุณสามารถดูข้อมูลการเข้าถึงเพจของผู้ติดตามได้ นอกจากนั้นแล้วยังจะมีส่วนอื่นๆ ที่ช่วยในการแสดงข้อมูล โดยแต่ละส่วนจะแสดงข้อมูลที่แยกกันอย่างชัดเจน ทำให้เราสามารถดูข้อมูลได้ง่าย และ สามารถเลือกดูข้อมูลในส่วนที่เราต้องการได้
หรือเราจะเลือกดูภาพโดยรวมก่อนก็ได้ โดยเลือกที่ Overview ซึ่งจะแสดงข้อมูลโดยรวมทั้งหมดออกมา ทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเพจโดยจะแสดงเป็นตัวเลข และ กราฟ นอกจากนั้นเรายังสามารถเลือกส่วนที่ต้องการจะดูเพิ่มเติมได้อีกด้วยทางซ้ายมือของแถบเมนู และ สามารถเลือกช่วงวันที่เราต้องการจะดูได้อีกด้วย เช่น อยากดูสถิติในช่วง 7 วันที่ผ่านมาก็สามารถดูได้
Followers จะแสดงยอดของคนที่เข้ามาติดตามเรา ทำให้เรารู้จำนวนผู้ติดตามเราว่าเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงมากน้อยเพียงใด มาจากช่องทางไหนบ้าง เช่น ช่องทางแบบออร์แกนิค หรือมาจากโฆษณาที่เราได้ยิงไป
Likes จะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับการไลค์ทั้งหมดบนเพจ เช่น มาจากช่องทางไหนบ้าง จะมีลักษณะคล้ายกับตัว Followers ว่ามีการไลค์จากหน้าไหน หรือ จากโฆษณาตัวไหนกันบ้าง
Reach เป็นการแสดงจำนวนของคนที่เข้าถึงหน้าของเพจโดยตรง ว่าในวันหนึ่งมีจำนวนคนเข้าถึงเพจมาก หรือ น้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์ คอมเมนต์ รวมทั้งการทำให้เกิด action ต่างๆ บนเพจ เช่น การกดซ่อนโพสต์ การกดปิด การกด unlike ต่างๆ ทำให้เรารู้ได้ว่าใครชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
Page Views ทำให้รู้ว่ามีคนเปิดเข้ามาดูที่หน้าเพจของเรากี่คน คนที่เข้ามาดูเพจจริงจังไม่ได้แค่เลื่อนผ่านๆ สามารถดูได้ทั้งจำนวนคน ประเทศ และ ช่วงอายุของคนที่เข้ามาดูเพจ
- Page Likes ใช้ดูจำนวนการไลค์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา
- Recommendations แสดงจำนวนคนที่ได้รับการแนะนำให้ติดตามเพจของเรา
ส่วน Page Previews จะเป็นคนที่เกือบเปิดเข้ามาดูเพจเต็มๆ อย่างเช่น เวลาที่เราคลิกดูชื่อแต่ยังไม่กดเข้าไปดูที่หน้าเพจหลัก (จะไม่เหมือน Page Views ที่เข้าไปหน้าเพจเต็มๆ แล้ว)
Actions on Page ส่วนใหญ่จะเอาไว้ดูว่าคอมเมนต์ การกดอีโมจิต่างๆ หรือ การติดต่อช่องทางอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับเพจ ทำให้เข้าถึงข้อมูลการมีส่วนร่วมของผู้ติดตาม และ ช่วยทำให้รู้รูปแบบการเข้าถึงที่ผู้ติดตามชื่นชอบได้มากขึ้น เช่น การกดโทร , การกดเข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ของเรา เป็นต้น
Posts เราจะเห็นโพสต์ทั้งหมดที่เราได้ลงไป ใช้ในการดูสถิติข้อมูลจากโพสต์ต่างๆ ที่เราได้ลงไปว่าใน ช่วงไหนคนเกิดการ action มากกว่ากัน เพื่อเราจะได้รู้เวลาที่เหมาะสมในการโพสต์ และ ทำให้เกิด Engagement ที่ดีที่สุด เช่น ในกรณีที่เราทำการยิง Ads โฆษณา หากรู้ช่วงที่เหมาะสม เราจะได้ไม่ยิงโฆษณาในช่วงเวลาที่ไม่ดี ไม่ค่อยมีคนสนใจ ทำให้เราไม่เสียเงินในการยิงโฆษณาในช่วงเวลานั้นๆ แล้วเอาเงินไปยิงโฆษณาในช่วงเวลาที่ดีกว่า เพื่อให้เงินที่เราจ่ายไปไม่ศูนย์เปล่าแถมยังได้ผลตอบรับดีอีกด้วย ส่งผลให้ Ads โฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- Post Reach ใช้ในการดูจำนวนคนที่เห็นโพสต์ของเราจากหน้าข่าวปกติ (Timeline)
- Post Engagement จะแสดงการมีส่วนร่วมของคนที่เข้ามาตอบโต้มีส่วนร่วมในโพสต์
ในส่วนของ posts เราสามารถดูได้ว่าผู้ที่มากดติดตามเพจ มักจะออนไลน์ช่วงวัน และ เวลาไหน (ดูได้จากกราฟ) ทำให้เราสามารถนำไปใช้ในการเลือกเวลาลงคอนเทนต์ต่างๆ ให้คนเห็นโพสต์เรามากยิ่งขึ้นได้ เราจะสังเกตได้จากบางโพสต์ของเพจบางเพจทำไมคนไลค์เยอะ คอมเมนต์เยอะ การเลือกวัน และ เวลาโพสต์ที่เหมาะสมก็นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์ของคุณได้ผลตอบรับที่ดี!!!
Events จะคล้ายๆ กับโพสต์ที่สามารถดูได้ว่ามีคนมากดไลค์ กดแชร์อีเว้นท์ไหนมากกว่ากัน ในกรณีที่ไม่มีการสร้างอีเว้นท์เอาไว้ก็จะไม่โชว์ข้อมูลในส่วนนี้
Videos ในกรณีที่เรามีวิดีโอ จะทำให้เรารู้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนเข้ามาดูวิดีโอของเรากี่นาที รวมถึงว่าในแต่ละวิดีโอว่านาทีที่เท่าไหร่ ที่คนเลิกดูวิดีโอแล้วคนกดออกไป
Message ใช้ในการดูว่ามีคนสนใจส่งข้อความเข้ามาสอบถามที่เพจมากน้อยอย่างไร มีการโต้ตอบมากน้อยเพียงใด
Stories จะแสดงสตอรี่ที่เราโพสต์ออกไปว่ามีจำนวนคนดู สถิติการกดไลค์ คอมเมนต์เท่าไหร่ จะคล้ายๆ กับข้อมูลในส่วนของตัววิดีโอ หากไ่มีสตอรี่ข้อมูลก็จะไม่ถูกแสดง
- Story Reach จะแสดงจำนวนคนที่เห็นสตอรี่ที่เราได้ลงไป
People จะแสดงจำนวนคนที่ทำการกดติดตามเพจของเรา หรือ คนที่มากดไลค์เพจของเรา ว่าเป็นเพศไหนบ้าง จำนวนเท่าไหร่บ้าง มาจากประเทศไหน ทำให้เรารู้ว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มลูกค้าของเราจริงๆ ว่าเป็นคนกลุ่มไหน
- คนที่เคยเห็นโพสต์เราอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
- คนที่ติดตามเพจของเรา
- คนที่เคยเปิดคอนเทนต์ของเรา
- คนที่เคยกล่าวถึงเพจของเรา
Orders จะแสดงจำนวนในการสั่งซื้อ เมื่อทำการยืนยันรายการสั่งซื้อในอินบ็อกซ์ จะแสดงทั้งราคา และ จำนวนของออเดอร์ที่สั่งในช่วงเวลาที่เรากำหนด
Facebook Insight ดีอย่างไร ?
เราก็ได้บอกความหมาย และ ได้อธิบานส่วนต่างๆ ที่สามารถใช้ดูได้ในบน Facebook Insight กันไปแล้ว สรุปเจ้าFacebook Insight ก็จะมีข้อดีในหลายๆ ด้านที่ช่วยทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มผู้ติดตาม และ สามารถวิเคราะห์เพจได้ว่าต้องทำการตลาดแบบไหน
- ทำให้รู้ว่ากลุ่มไหนคือผู้ติดตามที่ชื่นชอบเราจริงๆ จากที่เราได้บอกไปแล้วว่าสามารถดูได้ทั้งคนที่เข้ามาหน้าเพจนานๆ กับคนที่เห็นผ่านๆ ทำให้เราทำการตลาดได้ถูกกลุ่มมากยิ่งขึ้น
- ช่วยในการเช็คว่ารูปแบบไหนคนชอบมากกว่า สามารถดูได้ว่าคนกดไลค์โพสต์ไหนเป็นพิเศษ ช่วงเวลาไหนคนมักจะเข้ามาดู ทำให้เราสามารถกำหนดเวลาลง และ รูปแบบคอนเทนต์ที่เหมาะสมได้
- ช่วยในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และ นำไปปรับใช้ในการทำธุรกิจ เพราะสามารถรู้ข้อมูลเชิงลึกของผู้ติดตามได้ ทำให้สามารถปรับเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
พัฒนาแผนธุรกิจให้เหมาะสมกับ BMF
เราไม่ใช่แค่บริษัททางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะเท่านั้น แต่เรามาพร้อมเพื่อช่วยเหลือธุรกิจของคุณทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ การวางแผนการตลาด ตลอดจนออกแบบรูปแบบการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEM SEO การยิงAds รวมถึงการตลาดรูปแบบอื่นๆ ด้วยทีมงานคุณภาพที่พร้อมจะ Support ดูแลคุณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ
“เราพร้อมดูแลใส่ใจธุรกิจของคุณ ให้เหมือนกับว่าเป็นธุรกิจของเราเอง”
สามารถติดต่อสอบถาม bemyfriend ทางช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency