สำหรับใครที่ทำธุรกิจทำการตลาดออนไลน์ การซื้อโฆษณาถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายๆคนเลือก โดยเฉพาะกับช่องทางการทำการตลาดใหญ่ๆ อย่างกูเกิ้ล เฟสบุ๊ค ที่เป็นช่องทางยอดนิยมในการทำการตลาด แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่าย และ การทำงานที่แตกต่างกัน นั้นทำให้การเลือกใช้งานช่องทางที่ถูกต้อง จะช่วยทำให้การตลาดของคุณประสบความสำเร็จระหว่าง Google ads vs Facebook ads ต่างกันยังไง และ ควรจะเลือกใช้งานได้อย่างไร คำตอบอยู่ในบทความเลย!!!
Highlight Google ads Facebook ads ที่ต้องรู้!!!
- Google Adwords คืออะไร?
- Facebook Ads คืออะไร?
- Google ads vs Facebook ads
Service médical à domicile de Medici Generici à Rome
Notre équipe fournit un service de soins de santé à domicile, garantissant professionnalisme et confort pour les patients à Rome.
ต่างกันอย่างไร?
- จะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจเราเหมาะกับช่องทางไหน?
Google Ads คืออะไร ?
Google Adwords หรือ Google Ads เป็นการทำโฆษณาบนกูเกิ้ล ด้วยคำค้นหา (keyword) ที่เหมาะสำหรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น
- SEM (Search Engine Marketing) รูปแบบการซื้อ Keyword ที่ต้องการ เพื่อให้โฆษณาอยู่ในดันดับแรกๆ บนหน้าหนึ่งของการค้นหา
- GDN (Google Display Network) รูปแบบของโฆษณาแบบแบนเนอร์ รูปภาพ หรือ รูปแบบของกล่องโฆษณาที่ปรากฎเวลาเข้าชมเว็บไซต์
กระบวนการทำงานที่เน้นไปที่ คำค้นหา (keyword) จาก ความต้องการของลูกค้า (สิ่งที่ลูกค้าต้องการจะค้นหา) รวมถึงรูปแบบที่เป็นความสนใจของลูกค้า (Interest) ที่เขากำลังสนใจอยู่ ให้ตรงกับคำค้นหาของเรา ซึ่งการโฆษณาจะเน้นไปที่คำค้นหาหลัก ที่เป็นรูปแบบที่จะต้องจ่ายเงินค่าโฆษณา ในการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าเห็นเรามากยิ่งขึ้น ในการค้นหาผ่านคำ(keyword)ที่เราได้ซื้อนั้นเอง ตัวอย่างเช่น
ซื้อ keyword คำว่า “ที่พักภูเก็ต” เมื่อมีคนค้นหาคำนี้ โฆษณาของเราจะติดอันดับแรกๆบนการค้นหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ค้นต้องการจะค้นเจอ(สิ่งที่ลูกค้าต้องการ) หรือ อาจจะเป็นโฆษณารูปแบบของแบนเนอร์โปรโมทบนเว็บไซต์ต่างๆ (GDN) รวมถึงการโปรโมทด้วยวิดีโอบน Youtube อีกด้วย
สามารถอ่าน บทความGoogle Ads คืออะไร มีกี่ประเภท เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook Ads คืออะไร ?
Facebook Ads เป็นการทำโฆษณาบนเฟสบุ๊คซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางโซเชียลมีเดีย เป็นการโฆษณาที่จะใช้ รูปภาพ หรือ วิดีโอ ในการโปรโมท ซึ่งก็จะมีรูปแบบในการนำเสนอที่หลากหลาย เช่น
- Carousel เป็นรูปแบบของรูปภาพแบบภาพสไลด์ ที่ต้องปัดเพื่อดูภาพต่อไป ทำให้เห็นรูปได้หลากหลายในโฆษณาตัวเดียว
- Collection เป็นรูปแบบของการลงรูปโฆษณาทีละเยอะๆ อาจจะมีการนำวิดีโอมาแทรกเพื่อให้เข้าถึงสินค้า และ บริการมากขึ้น
การบวนการทำงานจะเน้นไปที่ ความชื่นชอบของลูกค้า (Interest) และ พฤติกรรมของลูกค้า (Behavior) ในรูปแบบของภาพ วิดีโอ เป็นการโฆษณาเพื่อทำให้ลูกค้าเห็น รู้จักเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องคำนึกวัตถุประสงค์ในการโฆษณาด้วย ตัวอย่างเช่น
ขายเสื้อผ้าแฟชั่น ก็จะเลือกทำโฆษณารูปแบบของรูปภาพ อาจจะเน้นการแยกเป็น collerction เพื่อให้เห็นสินค้าทั้งหมด เป็นต้น
สามารถอ่าน บทความFacebook Ads มีกี่ประเภท เพิ่มเติมได้ที่นี่
Google ads vs Facebook ads ต่างกันยังไง ?
หลายๆคน อาจจะยังมองภาพไม่ออกมากนัก
Medici Generici servizio di assistenza medica a domicilio Roma
Il nostro team fornisce un servizio di assistenza sanitaria domiciliare, garantendo professionalità e comfort per i pazienti a Roma.
หากเปรียบเทียบกันชัดๆ จะรู้ความแตกต่างของกูเกิ้ล และ เฟสบุ๊ค ดังต่อไปนี้
Google ads
- เป็นการทำโฆษณาบนช่องทางบนแถบการค้นหา (Search)
- สิ่งที่ใช้ในการโฆษณา คือ คำค้นหา (Keyword)
- อัลกอริทึม (Algorithm) คือ ใช้ Keyword เพื่อจับความต้องการของผู้บริโภค
- เหมาะสำหรับ ธุรกิจที่มีเว็บไซต์ , ธุรกิจประเภทบริการ หรือ ธุรกิจที่ต้องอาศัยข้อมูลเพิ่มเติมในการรับชม เช่น ขนส่ง รับเหมา อสังหาริมทรัพย์ ที่จำเป็นต้องอ่านข้อมูลเพิ่มเติม เป็นต้น
Facebook ads
- เป็นการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย (Social Media)
- สิ่งที่ใช้ในการโฆษณา คือ รูปภาพ วิดีโอ ข้อความ
- อัลกอริทึม (Algorithm) คือ ใช้รูปแบบความสนใจ เพื่อจับความต้องการของผู้บริโภค
- เหมาะสำหรับ ธุรกิจที่มีเฟสบุ๊คแฟนเพจ , ธุรกิจที่ต้องโชว์สินค้าให้ชัดเจน หรือ ธุรกิจที่ต้องเน้นการดึงดูด เป็นต้น
จะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจเราเหมาะกับช่องทางไหน ?
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าธุรกิจของเราเหมาะสำหรับการตลาดช่องทางนั้นๆ นอกจากประเภท หรือ การมีเว็บไซต์ ไม่มีเว็บไซต์แล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องอื่นๆอีกด้วย
ลักษณะของธุรกิจเป็นอย่างไร
จะต้องดูว่าประเภทของธุรกิจของคุณเป็นประเภทไหน ประเภทของธุรกิจที่แตกต่างกัน ย่อมจะส่งผลต่อรูปแบบที่แตกต่างกัน
- B2B (Business to Business) ธุรกิจรูปแบบนี้เป็นธุรกิจระหว่างคนทำธุรกิจ กับ คนทำธุรกิจ ด้วยกันเอง ซึ่งจำเป็นจะต้องอาศัยข้อมูล รายละเอียดที่ชัดเจน จึงทำให้เหมาะกับการทำรูปแบบ Google มากกว่า
- B2C (Business to Customer) ธุรกิจรูปแบบนี้เป็นธุรกิจระหว่างคนทำธุรกิจ กับ ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องใส่ข้อมูลมาก แต่จะเน้นการดึงดูดผู้บริโภคมากกว่า จึงทำให้เหมาะกับการทำรูปแบบ Facebook
ดู Target ของเราว่าใช้อะไรในช่องทางนั้นๆ
นอกจากการดูประเภทของธุรกิจแล้ว เรายังจะต้องดูว่าเป้าหมายของเรา ใช้ หรือ ให้ความสนใจกับอะไรบนช่องทางนั้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็น การแชร์ การโพสต์ การคอมเม้นต์ อะไรที่เป็นการ action บนช่องทางนั้นๆ เช่น หากกลุ่มเป้าหมายของเรามีความสนใจที่จะอ่านรายละเอียดเยอะๆ อาจจะต้องใช้ช่องทางกูเกิ้ล แต่หากกลุ่มเป้าหมายของเราชอบแชร์ ชอบคอมเม้นต์ การทำบนเฟสบุ๊คน่าจะสามารถดึงดูดความสนใจได้ดี
ดูวัตถุประสงค์ของการทำการตลาด ว่าต้องการอะไร
พอเรารู้สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบแล้ว เราจำเป็นจะต้องดูวัตถุประสงค์จริงๆ ที่เราต้องการจะทำการตลาด ว่าเราต้องการอะไรจากการโฆษณานี้
- สร้างการรับรู้แบรนด์ ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักเรามากยิ่งขึ้น เห็นเราบ่อยขึ้น จดจำเราได้
- ทำให้เป้าหมายเกิดการ action สร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ การคอมเม้นต์ การเข้าชม เป็นต้น
- เพิ่มยอดขาย กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจ และ ซื้อสินค้า
สามารถอ่าน บทความวัตถุประสงค์Facebook เพิ่มเติมได้
ทำการตลาดกับเราจะ Google หรือ Facebook ก็ปัง!!!
เราเป็นบริษัททางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะ ที่ให้บริการในด้านของการทำ SEM SEO รวมทั้ง การยิงAds และ รูปแบบการทำการตลาดรูปแบบอื่นๆ อีกทั้งเรายังช่วยในเรื่องการวิเคราะห์และทำความเข้าใจธุรกิจตลอดจนการวางแผน และ ออกแบบรูปแบบการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณพร้อมทีม Support ที่ช่วยดูแลธุรกิจของคุณ ให้สามารถทำยอดขาย และ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
สามารถติดต่อสอบถาม bemyfriend ทางช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency